ในแต่ละวันที่เรากินอาหาร 3 มื้อ เหงือกและฟัน ต้องแบกรับแรงกดกระแทกราวหนึ่งล้านนิวตัน ใกล้เคียงกับแรงดันที่ใช้ในการปล่อยกระสวยอวกาศเลยทีเดียว!!!
จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าลิงกับมนุษย์นั้นนอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกันแล้ว ยังเป็นสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะทางด้านพฤติกรรม เพราะลิงเป็นสัตว์ที่ชอบเข้าสังคมเช่นเดียวกับมนุษย์ สังเกตได้จากที่พวกมันมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงมากกว่าอยู่ตัวเดียว นอกจากนี้ ลิงยังสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจนดำรงเผ่าพันธุ์มาได้ถึงปัจจุบัน
ซึ่งการที่ลิงเปลี่ยนจากการเดินสี่ขามาเป็นสองขา และมีหลังที่ค่อย ๆ ตั้งตรงขึ้น ในขณะที่แขนสั้นขึ้น ขายาวขึ้น ส่วนสมองก็ค่อย ๆ พัฒนาให้มีความคิดที่ซับซ้อนขึ้น มีไหวพริบ รู้จักการแก้ไขปัญหาและเอาตัวรอดได้มากขึ้น ก็ถือเป็นวิวัฒนาการที่สำคัญอย่างหนึ่งเช่นกัน
มีบางทฤษฎีที่บอกว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิง แต่เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่เรื่องหนึ่งแน่ ๆ ที่เป็นปัจจัยให้มนุษย์สามารถวิวัฒนาการจนพ้นขึ้นมาจากลิงได้ก็คือ ‘การกิน’ นี่แหละ
เพราะในอดีต บรรพบุรุษของเราต้องกินของดิบและมีขนาดใหญ่ ฟันจึงต้องคมและกรามก็ต้องมีขนาดที่ใหญ่เพื่อให้การบดเคี้ยวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จนเมื่อมนุษย์รู้จักการใช้ไฟเพื่อปรุงของให้สุกและค้นพบเครื่องมือที่ช่วยให้อาหารมีขนาดที่เล็กลง เหงือกและฟันของเราจึงไม่จำเป็นต้องรับหน้าที่หนักเท่าเดิม ขนาดและความแข็งแรงจึงค่อย ๆลดลง
แต่ในขณะที่วิวัฒนาการทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น เหงือกและฟันกลับต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะคนในยุคปัจจุบันมีอาหารให้เลือกมากมาย ทั้งคาวและหวาน รวมถึงเครื่องดื่มอีกนานาชนิด
โดยทั่วไป อัตราเฉลี่ยในการเคี้ยวของมนุษย์จะอยู่ที่ 20-30 ครั้งต่อ 1 คำ นอกจากนี้ ฟันกรามที่ 2 ของมนุษย์ยังออกแรงกัดได้ถึง 1,100 – 1,300 นิวตันอีกด้วย (ถ้านึกไม่ออกว่าแรงนิวตันคืออะไรและหนักหน่วงแค่ไหน ก็ให้ลองนึกถึงแรงต่อยของนักมวยสมัครเล่นได้เลยครับ แรงและหนักประมาณนั้นนั่นแหละ)
แล้วถ้าเราบริโภคอาหารครบทั้ง 3 มื้อใน 1 วันล่ะ? เหงือกและฟันจะต้องรับแรงกดกระแทกขนาดไหน คำตอบก็คือ หนึ่งล้านนิวตันครับ ซึ่งใกล้เคียงกับแรงดันที่ใช้ในการปล่อยกระสวยอวกาศเลยทีเดียว!!!
แต่ประเด็นก็คือเราไม่ได้กินอาหารแค่ 3 มื้อเท่านั้นน่ะสิครับ ไหนจะกาแฟกับปาท่องโก๋ตอนเช้า ชานมไข่มุกตอนบ่าย ไม่รวมลูกชิ้นปิ้งและผลไม้ก่อนที่จะกินข้าวเย็นอีก นั่นหมายความว่ายิ่งเรากินมากเท่าไหร่ เหงือกและฟัน ก็จะยิ่งต้องรับแรงบดกระแทกมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นพวกที่ชอบกินหรือเป็นนักกินโดยอาชีพ วัน ๆ นึงคงปล่อยกระสวยอวกาศได้หลายลูกเลยทีเดียว
ดังนั้น คงไม่เป็นการเกินเลยไปนะครับที่จะบอกว่า เหงือกและฟันเป็นอวัยวะที่มีวิวัฒนาการมหัศจรรย์ที่สุด ทำงานหนักที่สุด และเจ็บปวดที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญในการดูแลอวัยวะส่วนอื่น ๆ มากกว่า ในขณะที่ละเลยส่วนนี้ไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วการดูแลเหงือกและฟันสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการแปรงฟันวันละ2ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปากบ้างเท่านั้นเอง
รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าปล่อยให้ เหงือกและฟัน ของเราต้องทนเจ็บช้ำเพราะการกินอีกต่อไปเลยนะครับ มาดูแลพวกเค้าด้วย ‘คอลบาเด้นท์’ ยาสีฟันของสายกิน ยาสีฟันสมุนไพรสกัดบริสุทธิ์กันเถอะ แล้วรับรองว่าคุณจะมีฟันแข็งแรง เหงือกแน่นกระชับ เพื่อรับและงับศึกหนักในมื้อต่อไป !!!!